เที่ยวภูฏานครั้งแรก ขึ้น
ทักซัง เมืองพาโร พลังแห่งศรัทธาบนยอดภูผากว่า 3,000 เมตร
ครั้งหนึ่งในชีวิต กับการเดินทางข้ามภูเขา
ข้ามทะเล จนมาถึงที่นี่ “ภูฏาน”
ประเทศที่ได้ชื่อว่าเมืองแห่งความสุขค่ะ ภูฏานเป็นประเทศเล็กๆ
ที่อยู่ติดกับอินเดียและจีน มีพื้นที่รวมกันใกล้เคียงกับ 5
จังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทยเรานั่นเอง
ประเทศที่แสนมีความสุขและสงบเงียบนี้เป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาที่เข้มข้น
และลึกซึ้ง ทำให้ทั้งประเทศมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก และไฮไลท์ที่สุดของการมาเที่ยวภูฏาน
คือการแสวงบุญ ขึ้นไปบนยอดเขาจนถึง “ทักซัง” วัดถ้ำเสืออันศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกถึงความงดงามที่มีความสูงจากระดับพื้นดินถึง
3,000 เมตรค่ะ จะโหดหินขนาดไหน
ตามเรามาปีนเขาขึ้นทักซังได้เลย !
รู้จักทักซัง
ทักซัง หรือ วัดถ้ำเสือ (The
Tiger’s Nest) นี้ตั้งอยู่ที่เมืองพาโร ประเทศภูฏานค่ะ
เป็นสถานที่แห่งศรัทธาสำคัญของประเทศ
และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกด้วยความงดงามและมนต์เสน่ห์แห่งโลกตะวันออกนั่นเองค่ะ
ทักซัง แปลว่า “รังเสือ” เล่าสืบต่อกันมาเป็นตำนานว่า
กูรูรินโปเซทรงขี่นางเสือเหาะมา
แล้วเข้าบำเพ็ญสมาธิอยู่ในถ้ำรังเสือนานถึงสามเดือน
แล้วสำแดงกายให้เห็นในภาคกูรูโดร์จีสะกดภูติผีปิศาจร้ายแล้วเทศนาสั่งสอนผู้คนในหุบเขาพาโรจนหันมายอมรับนับถือพุทธศาสนากันนั่นเอง
หลังจากรู้จักทักซังกันคร่าวๆ แล้ว
ก็ได้เวลาออกเดินทางกันแล้วค่ะ เราออกจากที่พักในเมืองพาโรตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้าเพื่อไปถึงเชิงเขา ด้วยระยะทาง และกิตติศัพท์ต่างๆ
นานาที่เคยได้ยินมาว่าโหดหินเข็ญใจสุดๆ
นั้นทำให้เราเลือกที่จะขึ้นม้าโพนี่เพื่อไปครึ่งทางของทักซังค่ะ
วิธีการขึ้นทักซังนั้นจะมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือการเดิน
และนั่งม้าโพนี่ไป แต่ม้าจะไปส่งเราแค่ครึ่งทางเท่านั้น ที่เหลือก็ต้องเดินต่อ
และขากลับต้องเดินลงมาเอง จะไม่มีม้าคอยมารับเราค่ะ เพราะทางเดินลงค่อนข้างลาดชัน
สำหรับระยะทางนั้นจะอยู่ประมาณที่ 13 กิโลเมตรค่ะ
ใครที่เดินทั้งขึ้นและลงก็รวมๆ เป็น 26
กิโลเมตรคงจะผอมเพรียวกันไปเลยงานนี้
สำหรับใครที่เลือกนั่งม้าโพนี่ไปก็จะย่นระยะการเดินไปหน่อยในขาขึ้นเขา 7 กิโลเมตร เพราะม้าที่เดินไปส่งเราที่คาเฟเตอเรียเท่านั้นค่ะ
พอได้ขึ้นนั่งบนหลังม้า
เป็นความตื่นเต้นที่ยากจะลืมทีเดียว
ม้าโพนี่จะเดินขึ้นเขาเลียบหน้าผาตามสัญชาติญาณ ทำให้หวาดเสียวสุดๆ ไปเลยค่ะ
แต่ก็ไม่มีอันตรายอะไร เพราะจะมีคนเลี้ยงม้าคอยเดินไปกับเราด้วย ระหว่างทางม้าก็จะแวะพักดื่มน้ำให้หายเหนื่อยก่อนไปต่อ
บางตัวก็จะดื้อหน่อยๆ คอยเดินแซงกันในช่วงทางโค้งค่ะ
เป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานพอสมควร ใช้เวลาประมาณ 45
นาที - 1 ชม.
เมื่อมาถึงจุดลงม้า
คาเฟเตอเรียจะอยู่ด้านในเราต้องเดินเข้าไปอีกหน่อย ตรงนี้จะมีที่สวดมนต์เป็นคล้ายๆ
ระฆังแขวนเยอะๆ
ในวัดบ้านเราที่ปกติเราจะต้องไปเดินตีระฆังให้ดังกังวานเรียกเทวดามาอวยพรให้
แต่ที่นี่ให้เดินเอามือแตะระฆังแล้วหมุนไปเรื่อยๆ ที่ระฆังจะสลักอักษรทิเบตไว้ซึ่งเป็นบทสวดนั่นเองค่ะ
ที่นี่จะเป็นจุดเดียวที่มีห้องน้ำไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยว
เพราะฉะนั้นใครจะเข้าห้องน้ำต้องตรงนี้เลยค่ะ จากจุดนี้ถือว่าขึ้นทักซังมาได้ครึ่งทางแล้ว
ต้องขอบคุณม้าโพนี่ที่ช่วยส่งเรามาแสวงบุญโดยที่เรายังมีแรงมีพลังอยู่
ไม่ค่อยเหนื่อยมากเท่าไหร่ ที่นี่จะมองเห็นทักซังตั้งอยู่บนชะง่อนผาไกลลิบๆ
ด้วยค่ะ
นั่งพักกันพอหายเหนื่อยก็ได้เวลาไปต่อ
คราวนี้ไม่มีม้าโพนี่มาคอยช่วยแล้วต้องอาศัยแรงกายแรงใจล้วนๆ
ถ้าให้เปรียบเทียบทางก็จะคล้ายๆ กับเวลาขึ้นเขาในบ้านเราค่ะ
เป็นดินมีจุดที่เป็นเนินลาดชันบ้าง เป็นทางเดินยาวๆ สบายๆ บ้าง สลับกันไป
ซึ่งไกด์จะนำทางเราเดินไปเรื่อยๆ
เคล็ดลับในการเดินขึ้นทักซังที่ค้นพบด้วยตัวเองคือ ค่อยๆ เดิน หายใจลึกๆ ยาวๆ
และอย่านั่งในทันทีทันใด เหนื่อยก็ต้องหยุดยืนสักพักให้ร่างกายได้หายใจทันค่ะ
เพราะด้านบนนี้สูงมาก และอากาศนั้นเบาบางต่างออกไปจากเมืองไทย
ระหว่างทางเดินไปทักซังจะมีธงมนตราหลากหลายสีอยู่ทั่วทั้งขุนเขา
จนบางทีก็นึกแปลกใจว่า ขึ้นไปติดธงบนเขาลูกนั้นด้วยวิธีไหน
คนภูฏานเขาอาจจะมีเทคนิคที่เราไม่รู้ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าไม่มีเทคนิคอะไร แล้วต้องเดินไปถึงบนนั้นเพื่อติดธงล่ะก็
คนที่นี่คงจะแข็งแรงพลังช้างมากแน่ๆ ค่ะ
**
ธงมนต์ตรา **
**
ลามะเดินขึ้นเขาเพื่อไปทักซัง **
(Cr.ภาพ จาก Bloggang.com :
mcayenne94)
ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.กว่าๆ เราก็มาถึงทักซังแล้ว ตรงจุดนี้มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันเยอะ
เพราะเป็นวิวพอยน์ที่สำคัญ ใครที่ขึ้นไปถึงจุดชมวิวนี้แล้ว
ยังไงก็ต้องระวังอันตรายกันก่อนถ่ายรูปด้วยนะคะ
หลังจากเดินขึ้นเขามาก็จะมีบันไดทอดยาวไปจนถึงทักซังอีก 700
ขั้น นี่เรียกได้เลยว่าแรงศรัทธาล้วนๆ ทีเดียวค่ะ
ไม่อย่างนั้นคงมาไม่ถึงที่นี่แน่ๆ
**
ทักซังสูง 3,000 เมตร จากพื้นดิน **
ทักซังตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางต้นไม้ใหญ่
และชะง่อนผาสูงชัน
ด้านหน้าฝั่งตรงข้ามมีน้ำตกซึ่งชาวภูฏานถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือ Holy
Water เราสามารถดื่มน้ำจากน้ำตกธรรมชาติตรงนี้ได้เลย
รับรองว่าไม่มีสารพิษอะไรใดๆ เพราะเป็นน้ำบริสุทธิ์สะอาดจากภูเขาค่ะ
ล้างหน้าล้างตาพอชื่นใจ เราก็เดินไปที่ทักซังต่อ บริเวณนี้ห้ามนำสิ่งของใดๆ
เข้าไปภายใน อนุญาตแค่เงินสำหรับทำบุญเท่านั้น
ด้านในทักซังมีหลายห้องด้วยกัน
แต่ละห้องจะมีความสำคัญต่างๆ กันไป
แต่ที่สำคัญที่สุดคือห้องสักการะท่านกูรูรินโปเซ
ที่นี่คล้ายวัดไทยในบ้านเราในเรื่องของการทำบุญค่ะ มีห้องให้เราได้ไหว้พระ
ได้นั่งสมาธิ และทำบุญ และในแต่ละห้องจะมีลามะมาให้พรเราด้วยน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์
#ทัวร์คุณภาพ #SmileUTour
Tel. 02-147-1148
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก travel truelife
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก travel truelife
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น